วันพุธ, กรกฎาคม 24, 2024

ขนมชาววัง ขนมไทยชาววัง พร้อมวิธีการทำขนมขึ้นชื่อ ขนมสุดแสนอร่อย

ขนมชาววัง ขนมไทยชาววัง พร้อมวิธีการทำขนมขึ้นชื่อ ขนมสุดแสนอร่อย

ขนมชาววัง ขนมไทยที่คนไทยชื่นชอบ ลักษณะพิเศษ หอม หวาน อร่อยกว่าขนมชาติอื่นๆ อย่างแน่นอน

ขนมชาววัง ขนมไทย ที่ผู้คนต่างก็พูดถึง ลักษณะขนมมีความพิเศษ รูปลักษณ์สวยงาม และมีความอร่อย หอม หวาน ทั้งกลิ่นสมุนไพร กลิ่นเทียนหอม กลิ่นธูปหอม และกลิ่นอื่นๆ อีกมากมาย ถือว่าขนมชาววังนี้ เป็นขนมที่ใช้ความปราณีต และความละเอียดอ่อน และกรรมวิธีการทำ มีตกแต่งที่สวยงาม และวิธีการทำบรรจง พร้อมทั้งใจเย็นในการปรุงแต่ง ซึ่งขนมเหล่านี้มีความสวยงาม และโดดเด่นมากๆ พร้อมทั้งรูปสวยงาม และน่าทานมากๆ

ต้นกำเนิดของขนมชาววัง เกิดจากท้าวทองกีบม้า หรือมารี กีมาร์ ผู้เป็นหัวหน้าห้องเครื่องต้นวิเสทในราชสำนัก ได้ริเริ่มประดิษฐ์ขนมไทย ที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารโปรตุเกส และต่อมาขนมไทยชาววัง จึงกลายเป็นขนมที่รู้จักกันทั่วไป จนมามีการปรับนำมาใช้ในพิธีต่างๆ โดยเฉพาะงานมงคล เพราะขนมชาววังมักจะมีชื่อ และลักษณะของรูปร่างขนมที่จะช่วยเสริมศิริมงคล พร้อมกับสูตรลับสูตรเด็ดเสริมความอร่อย ขนมไทยชาววังได้อร่อยตามต้นตำรับ fifa55vips

ขนมชาววัง

ขนมเบื้อง เป็นขนมชาววังได้รับความนิยม และหาทานได้ง่าย ขนมเบื้องคือการละเลงแป้ง เพราะถือเป็นขั้นตอนสำคัญ ที่จะทำให้ขนมเบื้องออกมาหน้าตาน่ารับประทาน และสวยงาม โดยขนมเบื้องมีทั้งไส้หวาน และไส้เค็ม

  • ขนมเบื้องกรอบอร่อยด้วยน้ำปูนใส หลังจากใส่ส่วนผสมทำแป้งอื่นๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วให้เปิดเครื่องตีแป้งด้วยความเร็วที่ต่ำสุด และทยอยเทน้ำปูนใสลงไปทีละนิด เมื่อใส่หมดจึงค่อยปรับเป็นความเร็วสูงสุดเพื่อให้ส่วนผสมเข้ากัน ซึ่งน้ำปูนใสจะช่วยให้ขนมเบื้องของเรากรอบอร่อย และกรอบได้นาน
  • อยากทานขนมเบื้องละเลงแป้งด้วยไฟกลางจะทำให้ได้แป้งทรง ละเลงแป้งลงบนเตา หรือกระทะด้วยไฟปานกลาง ขนมเบื้องที่ทรงสวยควรจะต้องเป็นรูปวงรีที่มีความยาวประมาณ 9 นิ้ว
  • ทาครีมเสร็จให้รีบโรยไส้ หลายคนอาจจะเคยมีปัญหาตัวไส้ขนมเบื้องทั้งหวาน และเค็มมักจะหลุดออกมาจากขนมเบื้อง สูตรลับของเราคือเมื่อละเลงครีมลงบนแป้งแล้วให้รีบโรยไส้ทันที เพราะตัวครีมมีความเหนียวที่จะช่วยทำให้ไส้ยึดติดกันได้ดี

ขนมชาววัง ขนมไทยน่ากินมาจากในวัง ขนมส่งตรงมาจากวัง พร้อมสุดแสนอร่อย

อินทนิล ขนมอินทนิลเป็นขนมชาววัง ที่ทำจากแป้งผสมกับความหอมที่ได้จากน้ำใบเตย และนำไปกวนจนเหนียว และปั้นเป็นก้อน พร้อมกับนำมาทานคู่กับน้ำกะทิ ที่เพิ่มความหอมจากการอบควันเทียน ก่อนจะตบท้ายด้วยน้ำแข็ง ที่ช่วยเพิ่มความอร่อยให้เย็นสดชื่น เมื่อทานจะให้รสชาติเหนียวนุ่ม หวานตัดเค็มแบบลงตัว และความหอมจากใบเตยกับกะทิอบควันเทียน

กลิ่นหอมมะลิอบควันเทียน ช่วยเพิ่มความอร่อย ในขั้นตอนการทำน้ำกะทิ นอกจากน้ำลอยดอกมะลิ และใบเตยจะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมแล้ว ให้นำกะทิมาอบควันเทียน โดยอบควันเทียนประมาณ 3-4 รอบ รอบละประมาณ 20 นาที หรือหากใครอยากให้กะทิหอมฟุ้งอบอวลมากยิ่งขึ้นก็สามารถอบเพิ่มได้อีก เพราะจะยิ่งช่วยทำให้ขนมของเราน่าทานมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ

ทองเอก ขนมสีเหลืองสวยที่ด้านบน มาพร้อมกับทองคำเปลวที่ทองอร่าม แค่เห็นหน้าตาภายนอกก็ดูสวยงาม น่ารับประทานมากแล้วกับ “ขนมทองเอก” เป็นขนมชาววังโบราณ ที่ในปัจจุบันยังหาทานได้ง่าย มักนิยมใช้ในงานมงคลต่างๆ เพราะทั้งชื่อ รูปทรง หน้าตาสวยงามของขนมนั้นมีความหมายดี นั่นคือหมายถึงการเป็นเอก หรือเป็นที่หนึ่ง

  • ทำอย่างใจเย็น ไม่อย่างนั้นไข่อาจสุกได้ ขนมทองเอกเป็นขนมที่ใช้ไข่แดงในการทำ ดังนั้นแล้วในขั้นตอนการนำกะทิที่ยกลงจากเตามาผสมกับไข่จะต้องรอให้กะทิอุ่นไปจนถึงเกือบเย็น และค่อยๆ ใส่ไข่ทีละฟองพร้อมคนให้เข้ากับกะทิด้วยความใจเย็นค่อยๆ ทำ เพราะหากใช้กะทิที่ยังร้อน และเทไข่ใส่แบบรวดเดียวอาจจะทำให้ไข่สุกได้
  • ใช้แป้งเย็นสนิทถึงจะขึ้นลายได้สวย ความน่าทานของขนมทองเอกคือมีหน้าตาสวยงามจากการใช้พิมพ์ลายสวย ดังนั้นแล้วจึงถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก สูตรลับของเราคือจะต้องรอให้แป้งเย็นสนิทก่อนที่จะอัดลงไปในพิมพ์ ด้วยตัวแป้งที่ปริมาณพอดีไม่อัดแน่นจนเกินไปเพราะอาจจะทำให้ล้นขอบออกมา และจะต้องกดตัวแป้งลงบนพิมพ์ให้แน่นมากพอถึงจะขึ้นลายได้สวย

ขนมไทยสุดแสนอร่อย พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้กับทุกคน

วุ้นกะทิ หากพูดถึงขนมชาววัง คงจะไม่มีวุ้นกะทิคงไม่ได้ เพราะเป็นขนมชาววังที่ได้รับความนิยม ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยรสชาติที่อร่อย และสามารถดัดแปลงปรับเปลี่ยน ทำเป็นวุ้นได้อีกหลายรูปแบบ รวมถึงมีขั้นตอนวิธีการทำที่ไม่ยาก ใช้วัตถุดิบไม่เยอะ สามารถทำทานเองได้ไม่ยาก ไปจนถึงทำขายก็เป็นขนมชาววังที่ขายได้ดี

  • แช่ผงวุ้นก่อนนำไปต้ม เพื่อให้วุ้นไม่คายน้ำ ปัญหาวุ้นคายน้ำหรือหลังทำเสร็จมีน้ำออกมาจากตัววุ้นทำให้ดูไม่น่าทาน สูตรลับคือจะต้องแช่ผงวุ้นทิ้งไว้ในน้ำประมาณ 10-15 นาทีเพื่อให้วุ้นอิ่มน้ำ ก่อนที่เราจะนำไปต้มในขั้นตอนถัดไป
  • เช็คผงวุ้นให้ดีว่าผงวุ้นละลายหมด เมื่อนำวุ้นไปต้มด้วยไฟกลาง ก่อนยกลงจากเตาควรใช้ทัพพีเช็คว่ามีผงวุ้นติดขึ้นมาตามทัพพีหรือไม่ หากไม่มีเศษผงวุ้นติดขึ้นมาตามทัพพีแสดงว่าผงวุ้นของเราละลายดีแล้ว เพราะหากผงวุ้นละลายไม่หมดจะทำให้วุ้นของเราได้หน้าไม่เนียนสวย และเมื่อทานอาจจะสัมผัสได้ถึงความสากจากผงวุ้น

เสน่ห์จันทร์ อีกหนึ่งขนมไทยมงคลที่พบได้บ่อยไม่ต่างจากทอกเอก นั่นคือ “เสน่ห์จันทร์” ที่มาในรูปทรงสีเหลืองอร่ามเป็นก้อนกลมคล้ายกับลูกจันทร์ผลไม้พื้นบ้านที่มีผลสุกสีเหลือง มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน ในสมัยก่อนคนโบราณจึงนำผลจันทร์มาประยุกต์กลายเป็นขนมมงคล ส่วนด้านบนจะมีก้อนกลมเล็กๆ สีน้ำตาลจากน้ำตาลปี๊บที่ถูกเอาไปอบควันเทียนจนหอม

ปั้นให้ได้ก้อนกลมสวยด้วยขนาดที่พอดี ขนมเสน่ห์จันทร์ความน่ารับประทานคือจะต้องมีก้อนกลมสวยคล้ายกับลูกจันทร์ ดังนั้นแล้วการปั้นให้ได้ก้อนกลมเป็นเรื่องสำคัญ โดยเราจะต้องปั้นส่วนผสมให้เป็นก้อนกลมอยู่ที่ประมาณเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 เซนติเมตร หลังจากนั้นก็กดให้แบนลงเล็กน้อย เพื่อให้ได้ทรงสวย 20ขนมไทยน่ากิน

ขนมชาววัง

ไม่พลาดขนมสุดแสนอร่อย ขนมที่มีลักษณะที่แตกต่างกัน รสชาติอร่อยไม่ซ้ำใคร

ลูกชุบ ขนมชาววังขนานแท้อย่าง “ขนมลูกชุบ” ที่ในปัจจุบันยังเป็นขนมที่ยังได้รับความนิยม หาทานง่าย มีรสชาติอร่อยถูกปาก และมีหน้าตาที่น่ารับประทาน แม้ในปัจจุบันจะมีการปรับเปลี่ยนรูปทรงของขนมบ้างตามความสร้างสรรค์ของคนทำเพื่อให้ดูตามยุคสมัย และช่วยดึงดูดให้คนอยากรับประทานมากขึ้น แต่เชื่อว่าขนมลูกชุบก็ยังมีรสชาติที่อร่อยเป็นเอกลักษณ์อยู่ทุกสมัยแน่นอน

ลูกชุบเป็นขนมชาววังสมัยก่อนที่มีวัตถุดิบหลักดั้งเดิมเป็นอัลมอนด์ แต่เพื่อให้เข้ากับประเทศไทยให้หาวัตถุดิบได้ง่ายขึ้นจึงปรับมาเป็นถั่วเขียวแทน โดยลูกชุบจะมีขั้นตอนการทำ 2 ขั้นตอน คือขั้นตอนการทำไส้ถั่วกวน และขั้นตอนการทำตัววุ้นลูกชุบที่ทำได้ง่าย แต่ต้องมีสูตรลับถึงจะทำออกมาได้อร่อยค่ะ

วิธีการทำลูกชุบ ส่วนผสม : ทำไส้ถั่วกวน ถั่วเขียวเลาะเปลือก 1+ 1/ 2 ถ้วยตวง น้ำตาลทราย 1 / 2 ถ้วยตวง กะทิ เกลือ 1 / 4 ช้อนชา นำถั่วเขียวเลาะเปือกล้างทำความสะอาดจนกว่าสีของน้ำจะเปลี่ยนเป็นสีใสสะอาด แช่ถั่วเขียวเลาะเปลือกกับน้ำทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง จนถั่วเขียวอิ่มน้ำ เพื่อให้ถั่วเขียวนิ่มขึ้น นำถั่วเขียวที่แช่จนนิ่มแล้วไปล้างทำความสะอาด และนำไปใส่ในหม้อนึ่ง

โดยเว้นรูตรงกลางเพื่อให้มีรูระบายอากาศออก นึ่งนานประมาณ 15-20 นาที ด้วยไฟกลางจนกระทั่งถั่วเขียวสุก นำถั่วเขียวนึ่งสุกที่นิ่มแล้วไปปั่น โดยให้แบ่งปันหลายๆ รอบ เพื่อให้ถั่วกวนละเอียด ตามด้วยใส่น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง และเกลือป่น 1/4 ช้อนชา หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง พร้อมกับปั่นส่วนผสมทั้งหมด ให้เข้ากันอย่างละเอียด เมื่อไส้ละเอียดเนียนจนเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว

ให้เทส่วนผสมทั้งหมดลงในกะทะด้วยไฟอ่อนๆ และหมั่นกวนไส้เรื่อยๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง จนรู้สึกว่าเนื้อเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อกวนจนเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ให้ใช้ไม้พายยีๆ ตัวไส้ถั่วกวน เพื่อให้ระบายความร้อนได้เร็วขึ้น สูตรลับทำไส้ถั่วกวนให้ได้ตามฉบับขนมชาววัง

  1. นึ่งถั่วเขียวต้องใช้ผ้าขาวบางรองเสมอ ใช้ผ้าขาวบางรองถั่วเขียวไว้ก่อนที่จะวางลงในหม้อนึ่ง เพื่อไม่ให้เมล็ดถั่วเขียวร่วงไปตามร่องในหม้อ และจะทำให้หลังจากนึ่งเสร็จแล้ว สามารถนำออกมาได้ง่ายขึ้นด้วย
  2. ถั่วเขียวต้องนิ่มทานง่าย หากต้องการให้ไส้ถั่วกวนออกมานุ่มอร่อย หากแช่ถั่วเขียวไว้นาน 3 ชม. อาจจะยังนิ่มไม่เพียงพอ แนะนำให้แช่เพิ่มต่อได้
  3. กวนไส้ให้แห้ง เนียนไปเนื้อเดียวกัน เมื่อกวนไส้ แนะนำให้ใช้ไฟอ่อน ไม่ใช้ไฟแรง เพราะจะทำให้ถั่วกวนเนื้อหยาบเกินไป และเนื้อเนียนไม่สม่ำเสมอ
  • ใส่ผงวุ้นจำนวน 2 ช้อนชา ลงแช่ในน้ำเปล่าประมาณ 10 นาที เพื่อให้วุ้นอิ่มน้ำ
  • หลังจากนั้นให้ตั้งหม้อต้มน้ำ โดยใส่น้ำเปล่าประมาณ 2 ถ้วยตวง ตามด้วยผงวุ้นที่แช่จนอิ่มน้ำแล้ว และใส่น้ำตาลทรายประมาณ 1/2 ถ้วยตวงตามลงไป
  • ใช้ไฟกลางเคี่ยวจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันประมาณ 15 นาที และเพื่อไม่ให้วุ้นจับตัวเป็นก้อน แนะนำให้เคี่ยวไปเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอในทิศทางเดียวกัน จนกระทั่งน้ำเดือดจึงคนต่ออีกประมาณ 2-3 นาที พร้อมเช็คว่าผงวุ้นของเราละลายดีหรือยัง ด้วยกระบวย หรือทัพพีที่ใช้คนว่าไม่มีผงติดขึ้นมา และเมื่อผงวุ้นละลายดีแล้วให้ปิดไฟ
  • พักวุ้นทิ้งไว้ให้เย็นลงประมาณ 5 นาที เพื่อให้วุ้นเซ็ตตัว

ขั้นตอนปั้นลูกชุบ

  • หลังจากไส้ถั่วกวนเย็นแล้ว ให้นำไส้ถั่วกวนมานวดด้วยมือเพื่อให้ไส้มีเนื้อเนียน และนุ่มขึ้น
  • ใช้สีผสมอาหาร 1 ฝาต่อน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบเข้มอ่อนของสี
  • มาเริ่มปั้นลูกชุบ โดยแบ่งลูกชุบเป็นก้อนๆ สามารถปั้นรูปได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะรูปผัก ผลไม้ สัตว์ หรือรูปอื่นๆ ตามไอเดียได้เลย
  • เมื่อปั้นเสร็จเสียบไม้ปลายแหลม แล้วให้นำไปจุ่มสีผสมอาหาร