ขนมหวานของไทยๆ ทำง่ายและอร่อย ทำกินเองได้ที่บ้าน วิธีทำก็ง่าย
ขนมหวานของไทยๆ ข้าวต้มมัด ขนมไทยที่มาด้วยใบตองห่อหุ่ม ก่อนจะแกะออกมาเจอกับข้าวเหนียว ที่สอดไส้ไส้กล้วย ไส้เผือก และถั่วดำ มีทั้งรสชาติหวาน มัน และความเหนียวนุ่มของข้าวเหนียว ให้รสชาติที่ผสมกันออกมาแล้ว ลงตัวและอร่อย เมนูขนมปัง
ส่วนผสมข้าวต้มมัด
- ข้าวเหนียวเขี้ยวงูดิบ 320 กรัม
- หัวกะทิ 480 กรัม
- ถั่วดำ 80 กรัม
- น้ำตาลทราย 200 กรัม
- เกลือป่น 2 ช้อนชา
- ใบเตย
- กล้วยน้ำว้าสุก หรือเผือกกวน
อุปกรณ์สำหรับห่อขนม
- ใบตอง
- ตอก หรือเชือกสำหรับห่ออาหาร
วิธีทำข้าวต้มมัด
- นำข้าวเหนียวเขี้ยวงู ไปล้างก่อนจะนำไปแช่ด้วยน้ำเปล่าข้ามคืน หรือหากรีบให้แช่ทิ้งไว้ประมาณ 5 ชั่วโมงขึ้นไป หลังจากนั้นให้ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ พร้อมพักทิ้งไว้
- ล้างถั่วดำแล้วแช่ไว้ข้ามคืน เช่นเดียวกัน ก่อนจะนำไปต้มด้วยน้ำเดือดประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วตักมาพักทิ้งไว้ให้แห้ง
- ใส่หัวกะทิ และเกลือลงในกระทะด้วยไฟกลาง คนส่วนผสมไปทางเดียวกันจากนั้นจึงใส่ใบเตยเพิ่มกลิ่นหอม
- เมื่อกะทิเดือดให้ใส่ข้าวเหนียวลงไป คนเบาๆ ให้ส่วนผสมไปทางเดียวกัน ระวังอย่าให้ข้าวเหนียวเม็ดหัก จะทำให้ข้าวต้มมัดไม่สวย คนไปเรื่อยๆ จนข้าวเหนียวดูดน้ำกะทิเข้าไป ผัดต่อไปเรื่อยๆ แล้วจึงใช้ไฟอ่อน จะสังเกตได้ว่าข้าวเหนียวสุก และเริ่มแห้ง
- ใส่น้ำตาลทรายตามลงไปพร้อมกับคน จนข้าวเหนียวมีความเงาจึงปิดไฟยกลงจากเตา
- นำถั่วดำวางลงในใบตองเตรียมห่อ แล้วจึงใส่ข้าวเหนียว ที่ผัดเอาไว้ตามลงไป ตามด้วยกล้วยที่ผ่าครึ่งท่อน แล้วจึงตักข้าวเหนียวอีกรอบ เพื่อทับหน้ากล้วย
- พับใบตองเป็นรูปสามเหลี่ยม พร้อมจับจีบห่อให้สวยงาม ห่อเป็นสองชิ้นก่อนจะนำมาประกบ และมัดติดกัน
- นำข้าวต้มมัดไปเตรียมนึ่งด้วยไฟแรง ใช้เวลานึ่งประมาณ 2 ชั่วโมง เตรียมจัดเสิร์ฟได้เลย
เรามีวิธีการทำขนม และสูตรการทำขนมมาแนะนำ เพื่อทำรับประทานเองได้
ครองแครงน้ำกะทิ ขนมไทยที่มีหน้าตาคล้ายกับตัวหนอน ให้รสสัมผัสที่เหนียมนุ่มจากตัวแป้ง กับรสชาติที่หวานมันจากน้ำกะทิ และงาขาวคั่ว เป็นสูตรขนมไทยที่ไม่ตายตัว เพราะจะทานแบบร้อน หรือแบบเย็นก็อร่อยได้เหมือนกัน
ส่วนผสมครองแครงน้ำกะทิ
1. แป้งมัน 320 กรัม
2. แป้งข้าวเจ้า 160 กรัม
3. น้ำเปล่า 1 1/2 ถ้วยตวง
4. ดอกอัญชัน
5. กะทิอบควันเทียน 1 ลิตร
6. น้ำตาลทราย 200 กรัม
7. เกลือ 1 ช้อนชา
8. งาขาวคั่ว
วิธีทำครองแครงน้ำกะทิ
- ใช้แป้งมัน ผสมกับแป้งข้าวเจ้าเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นจึงแบ่งทั้งหมดออกเป็น 2 ส่วน
- นำดอกอัญชันกับน้ำเปล่าไปต้ม จนได้สีน้ำเงินเข้ม แล้วจึงกรองเอาน้ำดอกอัญชันมาแบ่งออกเป็น 2 ถ้วย โดยถ้วยแรกให้แบ่งให้เป็นสีเข้ม 2/3 ส่วน และถ้วยที่สองสีอ่อนๆ ใช้เพียง 1/3 ของถ้วย
- นำน้ำดอกอันชัญที่สีเข้มกว่าผสมลงไปในถ้วยแป้งที่แบ่งเอาไว้ โดยใช้ไม้พายตะล่อมแป้ง และน้ำอัญชัน แล้วจึงนวดด้วยมือให้เข้ากัน แล้วทำแบบเดียวกันกับน้ำดอกอัญชันสีอ่อน เพื่อให้ได้แป้งครองแครง แบบสองสี
- นำแป้งที่นวดเอาไว้มาแบ่งเป็นก้อนประมาณเท่าหัวนิ้วก้อย แล้วจึงกดลงไปในพิมพ์ครองแครงเพื่อให้ได้ลายสวยงาม
- นำครองแครงที่ได้ไปต้มในน้ำเปล่าที่เดือด เมื่อสุกแล้วครองแครงจะลอยขึ้นมาเหนือน้ำ ให้ตักแล้วนำไปแช่ในน้ำเย็น ให้แป้งเย็นตัวลงและเพื่อไม่ให้แป้งจับตัวติดกัน
- มาเริ่มทำตัวกะทิ โดยตั้งหม้อด้วยไฟกลาง แล้วจึงใส่กะทิ น้ำตาลทราย และเกลือ คนให้ทั้งหมดเข้ากัน แล้วจึงตักครองแครงใส่ในถ้วย ตามด้วยน้ำกะทิ แล้วโรยปิดท้ายด้วยงาขาวคั่ว เป็นอันเส็ดพร้อมรับประทาน
ขนมฝอยทอง เชื่อว่า “ฝอยทอง” เป็นขนมไทยสุดโปรดของใครหลายคน เพราะด้วยสีสันหน้าตาชวนรับประทาน ความอร่อย ทานง่าย สามารถเข้าคู่ทานกับขนมได้หลายอย่าง ทำให้ปัจจุบันเป็นสูตรขนมไทยที่นำไปประยุกต์ทานคู่กับขนมอื่นๆ ได้เยอะแยะมากเลยทีเดียว
ส่วนผสมฝอยทอง
- ไข่แดงของไข่เป็ด 6 ฟอง
- ไข่แดงของไข่ไก่ 3 ฟอง
- น้ำค้างไข่ ไข่ขาวที่เป็นน้ำใสๆ ที่ติดอยู่กับเปลือก
- น้ำเปล่า 1 ลิตร
- น้ำตาลทราย 1 กก.
- กลิ่นมะลิ
- ไม้ปลายแหลม
วิธีทำฝอยทอง
- แยกไข่แดงออกจากไข่เป็น และไข่ไก่ หลังจากนั้นกรองไข่แดงทั้งหมด และน้ำค้างไข่ด้วยผ้าขาวบาง เพื่อจะทำให้ได้เส้นฝอยทองที่สวยเนียน แนะนำว่าหากรอบแรกกรองแล้วยังรู้สึก ว่าไม่ละเอียดให้กรองซ้ำอีกรอบได้
- ตั้งไฟกลางโดยใส่น้ำตาล และน้ำเปล่า พร้อมหยดน้ำมะลิเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม คนจนน้ำตาลละลาย เมื่อละลายดีแล้สให้เบาไฟลง
- รอจนน้ำเชื่อมในกะทะ มีลักษณะเป็นน้ำพุตรงกลางกระทะ แล้วจึงใช้กรวยโรยฝอยทอง หรือหากใครไม่มีสามารถ ใช้ถุงบีบมาม้วนเป็นกรวยแทนได้ โรยไข่แดงเป็นวงกลม หากโรยในระยะสูงจะได้ฝอยทองเส้นเล็ก แต่หากโรยแบบต่ำจะได้เส้นใหญ่ สามารถเลือกโรยได้ตามใจชอบเลย โรยวนไปเรื่อยๆ ประมาณ 20 รอบ
- จากนั้นให้ใช้ไม้ปลายแหลมเกี่ยวเส้นไข่ที่สุกแล้วนำไปวนในน้ำเชื่อม พร้อมกับนำเส้นฝอยทองมาพักบนตระแกรงให้สะเด็ดน้ำเชื่อมออก แล้วจับฝอยทองให้ม้วนพอดีคำ นำใส่จานก็เป็นอันเส็ด
ใครที่อยากเข้าครัว ทำขนมหวานแสนอร่อย ไม่ควรพราด
ขนมบัวลอยใข่หวาน บัวลอยสูตรขนมไทยที่หาทานได้ง่าย ถูกใจทุกเพศทุกวัย เพราะด้วยเนื้อบัวลอยแบบเหนียวนุ่ม และสีสันชวนรับประทาน ตัดด้วยน้ำกะทิหวานมัน กับไข่หวานยิ่งทำให้ได้รสชาติที่เข้ากัน
ส่วนผสมตัวแป้งบัวลอย
- แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม
- แป้งมัน 10 กรัม
- สีผสมอาหาร
- น้ำเปล่า
ส่วนผสมน้ำกะทิ
- หางกะทิ 2 ถ้วย
- หัวกะทิ 2 ถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
- น้ำตาลทราย 80 กรัม
- เกลือป่น 1/4 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ไก่
วิธีทำบัวลอยไข่หวาน
- เริ่มกันที่ทำแป้งบัวลอย ใส่แป้งข้าวเหนียวลงในชามผสม ตามด้วยแป้งมัน และสีผสมอาหาร ในขั้นตอนนี้หากใครต้องการทำแป้งบัวลอยหลายสี สามารถแยกชามผสม และแบ่งเทสีผสมอาหาร ตามที่ต้องการได้เลย
- หลังจากนั้นค่อยๆ เติมน้ำเปล่าลงไป พร้อมกับนวดแป้งไปด้วย ใส่จนครบ 8 ช้อนโต๊ะ หรือจนรู้สึกว่าเนื้อแป้งมีความเนียนนุ่ม
- นำแป้งมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดประมาณ 1 ซม. ไม่ควรปั้นขนาดใหญ่มาก เพราะเมื่อแป้งสุกตัวแป้งจะขยายใหญ่ขึ้นอยู่แล้ว หลังจากนั้นนำไปต้มในน้ำที่เดือดจัด เมื่อแป้งลอยตัวขึ้นมาให้ช้อนแป้งขึ้นมาพักไว้ในน้ำเย็น
- เตรียมทำน้ำกะทิ โดยนำหางกะทิขึ้นตั้งเตาโดยใช้ไฟกลาง ตามด้วยใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย และเกลือ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
- ใส่ไข่ลงในกะทิทีละฟอง ระวังอย่าให้ไข่แตก เมื่อไข่สุกแล้วตักขึ้นมาพักทิ้งไว้
- เติมหัวกะทิลงไปในน้ำกะทิที่เราต้มเอาไว้แล้ว คนทั้งหมดให้เข้ากัน หลังจากนั้นจึงนำแป้งบัวลอยใส่ลงไปในน้ำกะทิ พร้อมกับต้มทิ้งไว้ให้น้ำกะทิซึมเข้าไปในแป้งบัวลอยให้มีความหวานมันมากขึ้น ประมาณ 15 นาที หากอยากให้แป้งมีความเข้มข้นสามารถพักทิ้งไว้นานกว่านี้ได้
- นำบัวลอยพร้อมกับน้ำกะทิตักขึ้นใส่ถ้วย พร้อมกับใส่ไข่หวาน และจัดใส่จานได้เลย m8sbet