ขนมดอกจอก ประวัติความเป็นมา และที่มาที่ไป
ขนมดอกจอก สมัยนี้อาจจะไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไรนัก เนื่องจากไม่ค่อยเป็น ที่นิยมของเด็กรุ่นใหม่ แต่ก็ยังเป็น ที่นิยมกันอยู่ ขนมดอกจอกเป็นขนม ที่มีรูปทรงคล้ายดอกจอก ที่มีเเหล่งกำเนิดอยุ่ในน้ำ
รูปทรงสวยงามน่ารับประทาน เเต่เนื่องจากเป็นขนม ที่ต้องใช้น้ำมันพืชปริมาณมาก ในการทอดจึงไม่ค่อยเป็น ที่นิยมกับคนสมัยนี้ ที่เน้นเรื่องสุขภาพเป็นสำคัญ เพราะอาจทำให้มีคอลเรตเตอรอลสูง เเละทำให้อ้วนขึ้นได้ขนมดอกจอก
ในสมัยก่อนเป็นที่นิยมมากจะเป็นหนึ่งในขนม ที่จะจัดขึ้นในงาน เเละพิธีการสำคัญต่างๆ เช่นงานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ งานบวช เป็นต้น ไม่เเพ้ขนมไทยอย่างเช่นทองหยิบ ทองหยอด หรือฝอยทอง ทองม้วน บ้าบิ่น เป็นต้น
ที่เป็นที่นิยมทั่งในอดีต และปัจจุบัน และเป็นเอกลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึง ความประณีต อ่อนช้อย สวยงาม สื่อออกมาทางฝีมือการทำขนม ให้กับเด็กและคนรุ่นใหม่ได้สืบทอดต่อๆกัน การผลิตขนมดอกจอก
กินขนมไทย อร่อยกว่าใครแน่นอน
เป็นสินค้าโอท๊อปอีกอย่างเป็น ขนมไทยอีกชนิดหนึ่ง ที่มีประวัติอยุ่คู่ กับคนไทยมายาวนาน เเละเป็นขนม ที่มีขั้นตอนการทำไม่ยากทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก เเละซับซ้อน
วัตถุดิบในการทำขนมดอกจอกก็หาซื้อได้ง่าย ตามท้องตลาดทั่วไปและราคาไม่เเพง ขนมดอกจอกเป็นขนมอีกหนึ่งชนิด ที่เหมาจะะอนุรักษ์ไว้ให้อยู่คู่ กับคนไทยไปนานๆ
เเต่บางชนิดกับหารับประทานยาก เช่น ขนมดอกจอก ซึ่งส่วนมากจะเป็นสินค้าโอท๊อปตามหมู่บ้าน ต่างจังหวัดซะส่วนใหญ่ มีการผลิตขนมดอกจอก เยอะมากถือเป็นสินค้าโอท็อป อีกอย่างของแต่ล่ะจังหวัดก็ว่าได้
เเละยังสร้างรายได้ให้กับกลุ่มเเม่บ้าน หลังจากว่างจากงานครัวเรือน ได้อีกด้วย มีชาวบ้านบางส่วนมาก ยังให้ความสนใจในขนมดอกจอก เเละทำการผลิดขาย เป็นจำนวนมาก พร้อมกันนี้เรายังจะได้ดูวิธี เเละขั้นตอน การผลิตขนมดอกจอกได้ด้วย ขนมดอกจอกจะทำให้อร่อยอยู่ที่ส่วนผสม ในการทำและมีส่วนผสม ในปริมาณที่พอเหมาะ ถ้าใส่น้ำมากเกินไปขนมจะไม่ติดพิมพ์ หรือว่าใส่แป้งมากเกินไป ขนมก็จะหนาทำให้เวลาทอดขนมก็จะไม่สุก ก็ไม่ยากที่จะทำขนมดอกจอกไว้รับประทานเองหรือเสริมสร้างรายได้ต่อไป ให้กับคนรุ่นหลังได้อนุรักษ์ของไทยๆต่อไป
ขนมดอกจอก ต้องเตรียมวัสดุอุปกรณ์และวิธีการทำมีอย่างไรบ้าง?
วัสดุและอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมไว้ให้ครบ ก่อนจะลงมือทำขนมดอกจอก คือ 1.แป้งมัน200 กรัม 2.แป้งสาลี 100 กรัม 3.แป้งข้าวเจ้า200 กรัม 4.น้ำปูใส 1 ถ้วย 5.ไข่ไก่ 2 ฟอง 6.น้ำมันพีชสำหรับทอด 1 ขวด 7.กะทิ 110กรัม 8.งาดำหรืองาขาว 16 กรัม 9.เกลือ 1/2 ช้อนชา 10.เครื่องพิมพ์ขนมดอกจอก กระทะและเตา 11.น้ำเปล่า 12.น้ำตาลทราย ได้จัดเตรียมอุปกรณ์เสร็จ พร้อมที่จะลงมือทำ ซื่งส่วนผสมสามารถหาซื้อได้ ทั่วไปตามท้องตลาด ขั้นตอนและวิธีการทำขนมดอกจอก
1. ผสมแป้งสาลีที่ร่อนแล้ว ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน พร้อมกับเทน้ำสะอาดในปริมาณที่พอเหมาะใส่เกลือ น้ำตาลทรายและไข่แดงนวดให้ส่วนผสมเข้ากัน และแป้งเกิดความนิ่ม แล้วจึงใส่ น้ำปูนใส และหัวกะทิ ผสมให้เข้ากัน ลงไปตีให้เข้ากันอีกครั้ง
2.ผสมงาขาวและงาดำลงไป คนให้ทั่วเข้ากัน
3.ตั้งกระทะทองเหลืองเทน้ำมันให้ท่วม ใช้ไฟแรงปานกลาง ตั้งไว้รอจนน้ำมันร้อนได้ที่ นำแม่พิมพ์สำหรับทำขนมดอกจอกลงไป แช่ในน้ำมัน ให้แม่พิมพ์มีความร้อน เตรียมผ้าที่สะอาด ขนาดพอเหมาะพับซ้อนกันไว้เช็ดก้นพิมพ์
4.นำแม่พิมพ์ลงไปจุ่มกับแป้งที่เรานวดไว้ปริมาณ 3/4 ของแม่พิมพ์ แล้วนำไปทอด เมื่อขนมเริ่มเซ็ตตัว แล้วแกะแม่พิมพ์ออก ทอดจนสุก เหลืองทั้งสองด้าน โดยใช้เวลาไม่นานขนมดอกจอก ก็จะสุกและขนมเริ่มล่อนออกจากแม่พิมพ์ ค่อยๆ เขย่าพิมพ์ให้หลุดจากตัวแป้งทอด ต่อจนสุกเหลืองกรอบทั้งสองด้าน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน (ขั้นตอนนี้ต้องใช้ความประณีต และใจเย็นเป็นอย่างมาก เพื่อความสวยงามของรูปทรงขนมดอกจอก)
5.นำขึ้นมาสะเด็ดน้ำมันตักขึ้นนำไปวางหงายบนถ้วยที่คว่ำไว้ พักทิ้งไว้จนเย็นแล้ว นำไปวางบนกระดาษซับน้ำมัน พักทิ้งไว้ ประมาณ5-10 นาที จัดเรียงใส่จาน หรือกล่องพลาสติกก็ได้
ข้อเสนอแนะ พิมพ์ที่ใช้ทำขนม ควรแช่น้ำก่อน 1-2 คืน จะทำให้ขนมดอกจอกล่อนจากพิมพ์ได้ง่าย ถ้าพิมพ์ไม่ร้อนจะจุ่มแป้งไม่ติดและถ้าน้ำมันติดพิมพ์มากไปแป้งจะไม่ติด ควรค้นแป้งให้เข้ากันก่อนทุกครั้ง ก่อนจุ่มพิมพ์ เพราะแป้งที่ผสมไว้จะนอนก้น การทอดแต่ล่ะครั้ง ควรแบ่งแป้งใส่ถ้วยก้นลึก ที่มีขนาดใหญ่กว่าพิมพ์เล็กน้อย ลักษณะจะมีพิมพ์อยู่ที่ปลายด้านหนึ่ง และก็จะมีด้านยาวไว้สำหรับจับ หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ ทำขนมทั่วไปได้ พิมพ์ขนมดอกจอกไม่ได้มีขนาดเดียว มีประมาณ 3 ขนาดได้ แต่ที่นิยมเห็นจะเป็นขนาดเล็กสุด เพราะทำออกมาแล้ว ขนมจะดูสวยงามขนาดเล็กดี อุปกรณ์ทำจากทองเหลือง
รู้จักขนมดอกจอก เป็นที่นิยมในพิธีการต่างๆของคนไทย
ขนมดอกจอก เป็นขนมโบราณ เป็นที่นิยมตั้งแต่สมัยก่อน แต่ในปัจจุบัน เริ่มจะหาทานยาก เด็ก ๆ สมัยนี้อาจจะไม่ค่อยรู้จัก กันเท่าไรนัก เนื่องจากไม่ค่อยเป็น ที่นิยมของเด็กรุ่นใหม่ ขนมดอกจอก เป็นขนมที่มีรูปทรงคล้ายดอกจอก ที่มีเเหล่งกำเนิดอยุ่ในน้ำ รูปทรงสวยงามน่ารับประทาน เเต่เนื่องจากเป็นขนม ที่ต้องใช้น้ำมันพืชปริมาณมากในการทอด จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมกับคนสมัยนี้ ที่เน้นเรื่องสุขภาพเป็นสำคัญ เพราะอาจทำให้มีคอลเรตเตอรอลสูง เเละทำให้เกิดโรคอ้วนได้
ขนมดอกจอก ในสมัยก่อนเป็น ที่นิยมมากจะเป็นหนึ่งในขนม ที่จัดขึ้นในงานเเละพิธีการสำคัญต่างๆเช่นงาน งานเเต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ งานบวช เป็นต้นไม่เเพ้ขนมไทยอย่างทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ทองม้วน บ้าบิ้นเป็นต้น ที่เป็นที่นิยมทั่งในอดีตและปัจจุบันเป็นเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยอย่างหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดี
เพราะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนประณีตในการทำ ตั้งแต่วัตถุดิบ วิธีการทำ ที่กลมกลืน พิถีพิถัน ในเรื่องรสชาติ สีสัน ความสวยงาม กลิ่นหอม รูปลักษณะชวนน่ารับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีในการทำ ขนมแต่ละชนิด ซึ่งยังแตกต่างกันไปตามลักษณะของขนมชนิดนั้น ๆ
ขนมดอกจอก เป็นขนมไทยอีกชนิดหนึ่ง ที่มีประวัติอยุ่คู่กับคนไทยมายาวนาน เเละเป็นขนม ที่มีขั้นตอนการทำไม่ยาก ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก เเละไม่ซับซ้อน วัตถุดิบในการทำขนมดอกจอก ก็หาซื้อได้ง่าย ตามท้องตลาดทั่วไป และราคาไม่เเพง ขนมดอกจอกเป็นขนมอีกหนึ่งอย่าง ที่เหมาจะอนุรักษ์ไว้ให้อยู่คู่กับคนไทยและคนรุ่นหลังต่อไปนานๆ
คนรุ่นใหม่จะไม่ลืมไปว่าเรายังมีขนมไทย อีกหลากหลายชนิด ที่มีความอร่อย สวยงาม ความประณีตในการทำ เเละราคาไม่เเพง หารับประทานได้ง่าย ไม่เเพงเท่ากับ ขนมหรูราคาเเพง ในห้างสรรพสินค้าเลย เเละสิ่งที่สำคัญเราเป็นคนไทย คนรุ่นใหม่เราก็ควรอนุรักษ์ขนมไทยไว้ให้อยู่คู่กับคนไทยต่อไป แต่เมื่อยุคสมันเปลี่ยนไปการปรับตัวปรับปรุงพัฒนาสูตรขนมไทยเพื่อสร้างความแตกต่าง ด้วยการทำให้มีความแปลกใหม่
ที่ไหนขายขนมดอกจอก หารับประทานได้ง่าย ตามท้องตลาดทั่วไป
ถึงแม้ปัจจุบันจะไม่เป็นที่นิยมของเด็กสมัยนี้สักเท่าไร แต่ก็ยังเป็นที่นิยมของคนอีกมากมาย ที่อยากจะรับประทาน ขนมดอกจอกเป็นขนมที่คล้ายดอกจอกที่มีแหล่งกำเนินอยู่ในน้ำ
รูปทรงสวยงามน่ารับประทาน สามารถมาทำกินเองไม่ยาก สามารถเติมสีตามใจชอบได้ กรอบอร่อย เป็นขนมดอกจอกที่มีขั้นตอนการทำที่ไม่ยาก ทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก วัตถุดิบในการทำขนมดอกจอก
ก็หาซื้อง่ายตามท้องตลาดทั่วไป และราคาไม่แพง ขนมดอกจอกเป็นขนมอีกหนึ่งชนิด ที่เหมาะจะอนุรักษ์ไว้ ให้คู่กับคนไทยไปยาวนาน เรายังมีขนมไทย อีกหลากหลายชนิด
ที่มีทั้งความอร่อย สวยงามและความประณีต ในการทำ และราคาไม่แพง หารับประทานได้ง่าย ตามร้านค้าทั่วไป และยังสามารถเก็บรักษาได้อีกหลายวัน