ขนมครก เป็นขนมของไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณ

ขนมครก มีรสชาติหวานมัน หอมกลิ่นกะทิ กรอบนอกนุ่มใน

ขนมครก เป็น ขนมไทยโบราณ ชนิดหนึ่ง ทำจากแป้งน้ำตาลและกะทิ แล้วเทลงบนเตาหลุม เวลาจะรับประทานต้องแคะออกมา เป็นแผ่นวงกลม แล้วมักวางประกบกันตอนรับประทาน เป็นขนมของไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณ นอกจากนี้ยังพบในพม่า เรียก โมก หลีน-มะย้า แปลว่า ขนมผัว-เมีย ลาว เรียก ขนมคก และอินโดนีเซีย ชาวอินโดนีเซียเรียกว่า เซอราบี (serabi)

มีหลักฐานว่าขนมครกเป็นที่นิยมแพร่หลายมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีการทำเตาขนมครกขายตั้งแต่ยุคนั้น ขนมครกแต่เดิมใช้ข้าวเจ้าแช่น้ำ โม่รวมกับหางกะทิ ข้าวสวย และมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย ผสมเกลือเล็กน้อยใช้เป็นตัวขนม ส่วนหน้าของขนมครกเป็นหัวกะทิ ขนมครกชาววังจะมีการดัดแปลงหน้าขนมครกให้แปลกไปอีก เช่น หน้ากุ้ง (แบบเดียวกับข้าวเหนียวหน้ากุ้ง) หน้าไข่ หน้าหมู (แบบเดียวกับไส้ปั้นสิบ) หน้าเผือก หน้าข้าวโพด หน้าต้นหอม

สูตรทำขนมครก

ส่วนผสมแป้งขนมครก

  • แป้งข้าวเจ้า 250 กรัม
  • ข้าวหอมมะลิหุงสุก 100 กรัม
  • น้ำปูนใส 120 กรัม (หาไม่ได้ใช้น้ำเปล่าแทนได้)
  • หัวกะทิคั้นสดแบบเข้มข้น 500 มิลลิลิตร
  • หางกะทิ 250 มิลลิลิตร
  • น้ำตาลทราย 60 กรัม
  • เกลือสมุทร 2 ช้อนชา

วิธีทำขนมไทยโบราณ

  1. นำข้าวโพดหวานมาฝานบางๆ เผือกหั่นเต๋า นำไปนึ่งให้สุกประมาณ 20 นาที ส่วนต้นหอมนำมาซอย พักไว้ 2. ทำแป้งขนมครก โดยการนำ แป้งข้าวเจ้า ข้าวสวย น้ำปูนใส กะทิ เกลือ ปั่นให้เข้ากันจนละเอียดดี เทใส่ในชามผสม พักแป้งไว้ 30 นาที
  2. ทำหน้าขนมครก โดยนำหัวกะทิ น้ำตาลทราย เกลือ ใส่หม้อตั้งไฟอ่อน เคี่ยวจนน้ำตาลละลาย พักไว้
  3. นำเตาขนมครกตั้งไฟอ่อน ทาน้ำมันให้ทั่วเตา เทแป้งขนมครกลงไป รอจนแป้งสุกเหลือง โรยหน้าด้วยหน้าขนมครกตามชอบ รอจนหน้าขนมครกสุกเหลือง ยกลง
  4. ตักขนมครกใส่จาน เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง เช่น เผือกนึ่ง ข้าวโพดนึ่ง ต้นหอมซอย

เคล็ดลับการทำขนมครก

  • แป้งขนมครกควรพักไว้อย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้แป้งเซ็ตตัว
  • เทแป้งขนมครกลงบนเตาบางๆ รอจนแป้งสุกเหลืองจึงโรยหน้าขนมครก
  • รอจนหน้าขนมครกสุกเหลืองจึงยกลง

ขนมครกเป็นขนมไทยที่ได้รับความนิยมมานาน เพราะเป็นขนมที่หาทานได้ง่าย รสชาติอร่อย หอมหวานมันของกะทิ แป้งที่กรอบนอกนุ่มใน ทานคู่กับเครื่องเคียงต่างๆ ก็ยิ่งอร่อยมากยิ่งขึ้น

ขนมครก

188betthaivipเว็บแทงบอล

ขนมภูมิปัญญาท้องถิ่น

ไม่มีหมวดหมู่